แปลจากคำถามหมายเลข 10078

แปลโดย อับดุลฮากิม หามะ

คำถาม

การอะษานนั้นวาญิบหรือไม่? พวกเราเป็นนักศึกษาที่ไม่มีมัสยิดใกล้หอพักของพวกเรา ดังนั้น พวกเราจึงละหมาดกันในมุศ็อลลา คำถามคือ พวกเราจะต้องอะษานก่อนละหมาดหรือไม่ เนื่องจากพวกเราได้ยินเสียงอะษานจากมัสยิดที่อยู่ไกลแล้ว

คำตอบโดยสรุป

1- ทัศนะที่ถูกต้องคือ อะษานนั้นเป็นฟัรฎูกิฟายะฮ์ (วาญิบสำหรับแต่ละสังคม) หากมีบางคนทำมันแล้ว ผู้คนที่เหลือก็จะถูกปลดเปลื้องจากบาป
2- หากคน ๆ หนึ่งเริ่มละหมาดโดยไม่มีการอะษานหรืออิกอมะฮ์ ไม่ว่าจะด้วยกับความหลงลืมหรือความไม่รู้ หรือด้วยกับเหตุผลอื่น การละหมาดดังกล่าวนั้นก็ยังคงใช้ได้
3- หากมุอัษษินคนหนึ่งได้ทำการอะษานไปแล้วในชุมชนหนึ่ง และผู้อยู่อาศัยทั้งหมดสามารถได้ยินมันได้ เช่นนั้นก็ถือว่าเพียงพอแล้ว สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูในคำตอบเต็ม

คำตอบ

มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮ์ ขอความสันติและพรจากอัลลอฮ์จงมีแด่ศาสนทูตของอัลลอฮ์

อะษานคืออะไร?

อะษานในภาษาอาหรับ หมายถึง การประกาศหรือแจ้งให้ทราบ อัลลอฮ์ได้กล่าวว่า : 

“และจงประกาศ [อัษษิน] ต่อมนุษย์ซึ่งการทำฮัจญ์ (การแสวงบุญ)” [อัลฮัจญ์ 22:27]

ความหมายทางชะรีอะฮ์นั้น อะษาน หมายถึง : การสักการะอัลลอฮ์ ด้วยการประกาศเวลาของการละหมาดฟัรฎู โดยใช้ถ้อยคำที่ถูกรายงานมาจากศาสนทูต (ขอความสันติและพรจากอัลลอฮ์จงมีแด่ท่าน) ในลักษณะที่เฉพาะเจาะจง 

การอะษานนั้นวาญิบหรือไม่?

บรรดานักฟิกฮ์เห็นพ้องกันว่า อะษาน นั้นคือหนึ่งในเอกลักษณ์และสัญลักษณ์ที่ชัดเจนของอิสลาม แต่พวกเขาเห็นต่างกันเกี่ยวกับฮุก่มของมัน 

บางท่านกล่าวว่าการอะษานนั้นเป็นฟัรฎูกิฟายะฮ์ (วาญิบสำหรับแต่ละสังคม) นี่คือทัศนะของอิมามอะห์มัด และเป็นทัศนะที่ถูกสนับสนุนโดยชัยคุลอิสลาม อิบน์ตัยมิย์ยะฮ์ สำหรับในหมู่นักวิชาการร่วมสมัยนั้น มันคือทัศนะของชัยค์อิบน์อุษัยมีน (ขออัลลอฮ์เมตตาท่าน) 

และบางท่านก็กล่าวว่า การอะษานนั้นเป็นซุนนะฮ์มุอักกะดะฮ์

ทัศนะที่ถูกต้องคือ อะษาน นั้นเป็นฟัรฎูกิฟายะฮ์ หากมีบางคนทำมันแล้ว ผู้คนที่เหลือก็จะถูกปลดเปลื้องจากบาป

ฮะดีษเกี่ยวกับการอะษาน

หลักฐานสำหรับสิ่งดังกล่าวจากซุนนะฮ์  

มาลิก อิบน์อัลฮุวัยริษ ได้กล่าวว่า : พวกเราได้มาหาศาสนทูตของอัลลอฮ์ (ขอความสันติและพรจากอัลลอฮ์จงมีแด่ท่าน) ในตอนที่พวกเราเป็นชายหนุ่มวัยใกล้เคียงกัน และพวกเราได้อยู่กับท่านเป็นเวลายี่สิบวัน ศาสนทูตของอัลลลอฮ์ (ขอความสันติและพรจากอัลลอฮ์จงมีแด่ท่าน) นั้นมีเมตตาและใจดี ท่านคิดว่าพวกเรานั้นคิดถึงครอบครัวของพวกเรา ดังนั้น ท่านจึงถามพวกเราเกี่ยวกับครอบครัวของพวกเรา ผู้ที่พวกเราได้ทิ้งไว้เบื้องหลัง จากนั้นท่านก็กล่าวว่า “จงกลับไปหาครอบครัวของพวกเจ้า และจงอยู่กับพวกเขา จงสอนพวกเขาและให้คำแนะนำแก่พวกเขา เมื่อเวลาละหมาดมาถึง ก็จงให้คนหนึ่งในหมู่พวกเจ้าเรียกร้องไปสู่การละหมาด และจงให้ผู้ที่อาวุโสที่สุดในหมู่พวกเจ้านำพวกเจ้าในการละหมาด” (บันทึกโดยอัลบุคอรี 602, มุสลิม 674)

ตามรายงานที่ถูกบันทึกโดยอัลบุคอรี 604 คือ : “เมื่อเจ้าทั้งสองออกไป ก็จงเรียกร้องไปสู่การละหมาด (อะษาน) จากนั้นก็จงเรียกร้องก่อนจะละหมาด (อิกอมะฮ์) ทันที จากนั้นก็ให้ผู้ที่อาวุโสที่สุดของพวกเจ้านำพวกเจ้าในการละหมาด” 

ตามรายงานที่ถูกบันทึกโดยอัตติรมิษี (205) และอันนะซาอี (634) คือ : มันถูกรายงานว่า มาลิก อิบน์อัลฮุวัยริษ กล่าวว่า : ฉันได้มาหาศาสนทูตของอัลลอฮ์ (ขอความสันติและพรจากอัลลอฮ์จงมีแด่ท่าน) กับลูกพี่ลูกน้องของฉัน และท่านได้กล่าวว่า “เมื่อพวกเจ้าเดินทาง ก็จงเรียกร้องไปสู่การละหมาด (อะษาน) จากนั้นก็จงเรียกร้องก่อนจะละหมาด (อิกอมะฮ์) ทันที จากนั้นก็ให้ผู้ที่อาวุโสที่สุดของพวกเจ้านำพวกเจ้าในการละหมาด” (ให้สถานะว่าเศาะเฮียห์ โดยอัลอัลบานี ในอิรวาอ์ อัลเฆาะลีล 1/230)

ฮะดีษนี้บ่งชี้ว่าการอะษานนั้นเป็นฟัรฎูกิฟายะฮ์ เนื่องจากศาสนทูต (ขอความสันติและพรจากอัลลอฮ์จงมีแด่ท่าน) ได้สั่งใช้ให้คนเพียงคนเดียวเรียกร้องไปสู่การละหมาดสำหรับคนกลุ่มหนึ่ง ท่านไม่ได้บอกให้ทั้งกลุ่มเรียกร้องไปสู่การละหมาด ดูได้ที่ เตาเฎียห์ อัลเอียะห์กาม 1/424

อันนะวะวี กล่าวว่า : 

“สิ่งนี้บ่งชี้ว่าการเรียกร้องไปสู่การละหมาด และการละหมาดเป็นญะมาอะฮ์ นั้นถูกกำหนดสำหรับผู้เดินทาง มันยังเป็นการแสดงให้เห็นด้วยว่า มันเป็นที่ส่งเสริมให้เรียกร้องไปสู่การละหมาดเสมอ ไม่ว่าผู้นั้นจะเดินทางหรือไม่ก็ตาม” (ชัรห์มุสลิม 5/175)

การละหมาดใช้ได้หรือไม่ หากไม่มีการอะษานและอิกอมะฮ์?

บรรดานักวิชาการแห่งคณะกรรมการถาวร ได้กล่าวว่า : 

“การอะษานนั้นเป็นฟัรฎูกิฟายะฮ์ (วาญิบสำหรับแต่ละสังคม) ในเมืองหนึ่ง และเช่นเดียวกับอิกอมะฮ์ หากคน ๆ หนึ่งเริ่มละหมาดโดยไม่มีการอะษาน หรือ อิกอมะฮ์ ไม่ว่าจะด้วยกับความหลงลืมหรือความไม่รู้ หรือด้วยกับเหตุผลอื่น การละหมาดดังกล่าวนั้นก็ยังคงใช้ได้” (ฟะตาวา อัลลัจญ์นะฮ์อัดดาอิมะฮ์ 6/54) 

ชัยค์อิบน์อุษัยมีน กล่าวว่า : 

“หลักฐานสำหรับการที่มัน – หมายถึง การอะษานและอิกอมะฮ์ – เป็นวาญิบนั้นคือ คำสั่งใช้ของศาสนทูต (ขอความสันติและพรจากอัลลอฮ์จงมีแด่ท่าน) ในฮะดีษจำนวนหนึ่ง และความจริงที่ว่า ท่านยังคงทำอยู่เสมอไม่ว่าท่านจะเดินทางหรือไม่ก็ตาม และเนื่องจากเวลาของการละหมาดนั้น มักไม่สามารถรู้ได้โดยไม่มีมัน และเนื่องจากมันให้ประโยชน์ และเนื่องจากมันคือหนึ่งในสัญลักษณ์ที่ชัดเจนของอิสลาม” (อัชชัรห์อัลมุมเตียะอ์ 2/38)

บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงที่ว่าการอะษานเป็นฟัรฎูกิฟายะฮ์นั้น หากการอะษานถูกทำแล้วในเมืองหนึ่ง และผู้คนก็สามารถได้ยินมันได้ เช่นนั้นฟัรฎูกิฟายะฮ์ก็พ้นจากความรับผิดชอบไปแล้ว และไม่จำเป็นต้องมีการอะษานสำหรับทุกญะมาอะฮ์ แต่มันดีกว่าและเป็นที่ชอบมากกว่าในการอะษาน แม้ว่าคน ๆ หนึ่งจะละหมาดเพียงคนเดียวก็ตาม 

มันวาญิบหรือไม่ในการอะษานในทุกมัสยิด?

คณะกรรมการถาวรถูกถามว่า : 

มันวาญิบหรือไม่ ในการอะษานผ่านลำโพง ในทุกมัสยิด ในทุกชุมชน? โปรดทราบว่าการอะษานจากหนึ่งมัสยิดก็สามารถทำให้มุสลิมทุกคนได้ยินมันแล้ว หรือว่าการอะษานจากหนึ่งมัสยิดนั้นเพียงพอสำหรับทุกมัสยิดในชุมชนแล้ว? 

คำตอบคือ : 

“การอะษานนั้นเป็นฟัรฎูกิฟายะฮ์ ดังนั้น หาก มุอัษษิน คนหนึ่งได้อะษานในชุมชนหนึ่งแล้ว และผู้อยู่อาศัยทุกคนก็สามารถไดยินมันได้ เช่นนั้นก็เพียงพอแล้ว แต่มันถูกกำหนดสำหรับผู้คนในแต่ละมัสยิดในการอะษาน เนื่องจากความหมายโดยทั่วไปของหลักฐาน” 

บนฐานนี้ มันจึงเป็นการดีกว่าสำหรับคุณในการอะษาน แม้ว่าสิ่งนั้นจะไม่วาญิบสำหรับคุณก็ตาม 

และอัลลอฮ์รู้ดีที่สุด

ใส่ความเห็น